top of page
Clip path group
Clip path group

ปลูกพืชแบบใด? เข้าข่ายที่ดินเกษตรกรรม

เม.ย. 18

2 min read

0

3

0


ที่ดิน” เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องมีเจ้าของกรรมสิทธิ์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินที่มีเอกสารสิทธิแสดงความเป็นเจ้าของหรือที่มีชื่ออยู่ในโฉนดที่ดิน และผู้ที่มีเพียงสิทธิครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ และที่ดินยังเป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ที่โดยปกติแล้วราคาที่ดินจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะราคาตลาดหรือราคาที่มีการซื้อขายกันจริง ๆ ในพื้นที่นั้น ซึ่งมักจะมีราคาสูงกว่าราคาประเมินที่ดินของราชการหลายเท่า ทำให้หลายคนจึงเลือกซื้อที่ดินเปล่าเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร แต่หากปล่อยที่ดินไว้ให้รกร้างว่างเปล่าโดยไม่ได้ทำประโยชน์ใด จะต้องเสียภาษีที่ดินในอัตราที่สูงกว่าที่ดินประเภทอื่น ๆ ถ้าที่ดินมีขนาดใหญ่ยิ่งต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงขึ้น โดยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่ดินรกร้างว่างเปล่า เจ้าของที่ดินจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.3-0.7% และจะเพิ่มอัตราภาษี 0.3% ทุก ๆ 3 ปี สูงสุดไม่เกิน 3%


หากใครมีที่ดินเปล่าอยู่ในครอบครอง แต่ยังไม่มีไอเดียในการพัฒนาหรือต้องการเก็บไว้ลงทุนต่อยอดในอนาคต ในระหว่างนี้ อาจเปลี่ยนจากที่ดินรกร้างว่างเปล่าเป็นที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นวิธีที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของที่ดิน และยังช่วยลดเพดานภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้อีกด้วย


ที่ดินเกษตรกรรม คืออะไร?

ที่ดินเกษตรกรรม” เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค จำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม (ไม่รวมการทำประมงและการทอผ้า) และต้องเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศไว้ เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งครอบคลุมถึงชนิดพืช ชนิดสัตว์ หรือลักษณะการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ให้มีอัตราขั้นต่ำต่อไร่ อัตราพื้นที่คอกหรือโรงเรือน และอัตราการใช้ที่ดินตามที่กำหนดไว้ จึงจะถือว่าเป็นที่ดินเกษตรกรรมหรือเข้าข่ายการใช้ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งจะเสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 โดยมีอัตราภาษีอยู่ที่ 0.01-0.1%



อัตราภาษีที่ดินเกษตรกรรม

ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม เป็นประเภทที่ดินที่มีอัตราภาษีต่ำที่สุด โดยถูกกำหนดอัตราภาษีตามมูลค่าของที่ดิน มีรายละเอียด ดังนี้

ที่ดินมูลค่า 0-75 ล้านบาท

อัตราภาษี 0.01% (ล้านละ 100 บาท)

ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท

อัตราภาษี 0.03% (ล้านละ 300 บาท)

ที่ดินมูลค่า 100-500 ล้านบาท

อัตราภาษี 0.05% (ล้านละ 500 บาท)

ที่ดินมูลค่า 500-1,000 ล้านบาท

อัตราภาษี 0.07% (ล้านละ 700 บาท)

ที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

อัตราภาษี 0.1% (ล้านละ 1,000 บาท)


57 ไม้ผล ปลูกแล้วเข้าข่ายการประกอบเกษตรกรรม

ตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยได้มีการประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม สำหรับจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 โดยกำหนดการใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมที่มีชนิดพืช ชนิดสัตว์ เพื่อให้มีอัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตรต่อไร่มีความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการประกอบเกษตรกรรม


LAD จะพาไปสำรวจในส่วนของพืชที่ถูกกำหนดไว้ทั้ง 57 ชนิด ว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละชนิดมีอัตราขั้นต่ำเท่าไหร่จึงจะเรียกว่าเป็น “ที่ดินเกษตรกรรม” 


หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม

ชนิด อัตราขั้นต่ำต่อไร่

1. กล้วยหอม               200 ต้น/ไร่

2. กล้วยไข่                 200 ต้น/ไร่

3. กล้วยน้ำว้า              200 ต้น/ไร่

4. กระท้อนเปรี้ยว          25 ต้น/ไร่

          - พันธุ์ทับทิม     25 ต้น/ไร่

          - พันธุ์ปุยฝ้าย     25 ต้น/ไร่

5. กาแฟ                   170 ต้น/ไร่

          - พันธุ์โรบัสต้า    170 ต้น/ไร่

          - พันธุ์อราบิก้า    400 ต้น/ไร่

6. กานพลู                  20 ต้น/ไร่

7. กระวาน                  100 ต้น/ไร่

8. โกโก้                  150-170 ต้น/ไร่

9. ขนุน                      25 ต้น/ไร่

10. เงาะ                     20 ต้น/ไร่

11. จำปาดะ                25 ต้น/ไร่

12. จันทร์เทศ              25 ต้น/ไร่

13. ชมพู่                    45 ต้น/ไร่

14. ทุเรียน                  20 ต้น/ไร่

15. ท้อ                      45 ต้น/ไร่

16. น้อยหน่า               170 ต้น/ไร่

17. นุ่น                      25 ต้น/ไร่

18. บ๊วย                     45 ต้น/ไร่

19. ปาล์มน้ำมัน            22 ต้น/ไร่

20. ฝรั่ง                    45 ต้น/ไร่

21. พุทรา                   80 ต้น/ไร่

22. เสาวรส 400 ต้น/ไร่

23. พริกไทย              400 ต้น/ไร่

24. พลู                    100 ต้น/ไร่

25. มะม่วง 20 ต้น/ไร่

26. มะพร้าวแก่ 20 ต้น/ไร่

27. มะพร้าวอ่อน 20 ต้น/ไร่

28. มะม่วงหิมพานต์ 45 ต้น/ไร่

29. มะละกอ

          - ยกร่อง         100 ต้น/ไร่

          - ไม่ยกร่อง       175 ต้น/ไร่

30. มะนาว                  50 ต้น/ไร่

31. มะปราง 25 ต้น/ไร่

32. มะขามเปรี้ยว 25 ต้น/ไร่

33. มะขามหวาน 25 ต้น/ไร่

34. มังคุด 16 ต้น/ไร่

35. ยางพารา 80 ต้น/ไร่

36. ลิ้นจี่ 20 ต้น/ไร่

37. ลำไย 20 ต้น/ไร่

38. ละมุด 45 ต้น/ไร่

39. ลางสาด 45 ต้น/ไร่

40.ลองกอง 45 ต้น/ไร่

41. ส้มโอ 45 ต้น/ไร่

42. ส้มเกลี้ยง 45 ต้น/ไร่

43. ส้มตรา 45 ต้น/ไร่

44. ส้มเขียวหวาน          45 ต้น/ไร่

45. ส้มจุก                   45 ต้น/ไร่

46. สาลี่ 45 ต้น/ไร่

47. สะตอ                   25 ต้น/ไร่

48. หน่อไม้ไผ่ตง           25 ต้น/ไร่

49. หมาก          100-170 ต้น/ไร่

50. หม่อน     35 ต้น/ไร่

51. องุ่น       35 ต้น/ไร่

52. แก้วมังกร 35 ต้น/ไร่

53. แอปเปิล 35 ต้น/ไร่

54. อะโวคาโด 35 ต้น/ไร่

55. อินทผลัม 35 ต้น/ไร่

56. ยูคาลิปตัส 35 ต้น/ไร่

57. พืชกลุ่มให้เนื้อไม้ 35 ต้น/ไร่


นอกจากไม่ต้องเสียภาษีที่ดินหรือเสียในอัตราต่ำแล้วนั้น ผลผลิตที่ได้จากการประกอบเกษตรกรรม ยังสามารถนำไปต่อยอดสร้างรายได้ให้กับเจ้าของที่ดินได้อีกด้วย หรือจะปล่อยเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตร ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เหมาะกับเจ้าของที่ดินที่อาจจะไม่ได้มีความรู้ทางด้านการเกษตร เพื่อไม่ให้ที่ดินถูกปล่อยรกร้างไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งยังได้ผลตอบแทนเป็นเงินค่าเช่าที่ดินอีกด้วย


สำหรับใครที่มีที่ดินเปล่าแต่ไม่อยากปล่อยรกร้าง และไม่รู้จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไร LAD มีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาด้านที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนให้คำปรึกษาเรื่องข้อจำกัดด้านกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนทางธุรกิจของคุณ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LAD Service


ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง


Comments

Share Your ThoughtsBe the first to write a comment.
bottom of page